
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น vs ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น มีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ
ข้อดีของน้ำอุ่น :
1. ละลายไขมันที่เป็นก้อนแข็งอุดตันรูขุมขนออกได้ดี
2. เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในผิวชั้นใน ช่วยพาของเสียออกไปกำจัดทิ้ง
3. รู้สึกผ่อนคลาย
ข้อเสียของน้ำอุ่น :
1. ละลายไขมันระหว่างเซลล์ที่เป็น skin barrier ออกไปได้ด้วย ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและผิวแห้งได้ง่ายขึ้น
2. ความร้อนที่สูงเกินไป อาจทำลายเอ็นไซม์บางตัว โดยเฉพาะเอ็นไซม์ที่ช่วยในการผลัดเศษผิวเก่า ทำให้เศษผิวเก่าเหลือตกค้างอุดตันรูขุมขนได้
3. ความร้อนกระตุ้นให้ปลายประสาทสัมผัสตอบสนองไวขึ้น อาจทำให้คันหน้ามากขึ้น
ข้อดีของน้ำเย็น (ผลตรงข้ามกับข้อเสียของน้ำอุ่น)
1. skin barrier ไม่ถูกทำลาย
2. เอ็นไซม์ผลัดเศษผิวเก่าทำงานได้ดี เศษผิวเก่าไม่เหลือตกค้าง
3. คันหน้าได้น้อยลง
ข้อเสียของน้ำเย็น (ผลตรงข้ามกับข้อดีของน้ำอุ่น)
1. สิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนอาจจะออกยากกว่า
2. ไม่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การกำจัดของเสียทำได้ช้าลง
3. รู้สึกเย็น สะดุ้ง โดยเฉพาะตอนเช้าๆ หลังตื่นนอนแต่บางทีตอนอากาศร้อนๆ ก็อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ครับ
มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า “ร้อนไปก็ไม่ดี เย็นไปก็ไม่ได้”
ก็เลยเป็นที่มาของน้ำที่มีอุณหภูมิอยู่ตรงกลางๆหรือประมาณ 32 องศาครับ
ไม่ต้องถึงกับเอาปรอทมาวัดนะครับ เครียดเกินไปครับ
32 องศาเป็นอุณหภูมิที่เวลาโดนมือจะไม่รู้สึกร้อนหรือเย็น แต่ถ้าโดนหน้าจะรู้สึกเย็นนิด ๆ ครับ
ซึ่งโชคดีที่น้ำประปาบ้านเรานั้น ถ้าไม่นับรวมช่วงเมษา ก็จะอยู่ราว ๆ 30-32 องศากำลังดีครับ
ผมไปลองเสิชดูเจอลิงก์นี้ครับของการประปานครหลวง มีรายงานคุณภาพน้ำประปารวมถึงอุณหภูมิของน้ำประปาแต่ละโซนแบบเรียลไทม์เลยครับ ลองคลิกไปดูครับ
Tag : Beauty tips
#AMTSkincare #AMTfamily #YourSkinGuardian #DidYouKnow #Skincare #สกินแคร์ #ผิวสุขภาพดี
ติดตามและเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่