permainan spaceman slot Resmi di Indonesia

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

Handbook 25 ความร้อน ส่งผลเสียต่อผิวมากกว่าที่คุณคิด

01/02/2022

แชร์บทความนี้

ประเทศไทยของเรานั้นตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร นอกจากจะได้รับรังสี UV มากตลอดทั้งปีแล้ว อากาศก็ร้อนแทบจะตลอดทั้งปีอีกด้วยครับ ยิ่งช่วงเดือน มีนา-เมษา แบบนี้ แค่เดินออกไปข้างนอกแค่แป๊บเดียว บางทีก็ร้อนมากจนแทบทนไม่ไหวเลยครับ 

ผมเชื่อว่าทุก ๆ ท่านทราบกันดีว่า รังสี UV ทำร้ายผิวอย่างไร และเราควรทำอย่างไรเพื่อป้องกันผิวโดยทำร้ายจากรังสี UV 

แต่ทราบกันหรือไม่ครับว่า นอกจากรังสี UV แล้ว ความร้อนก็ทำร้ายผิวได้เช่นกัน  แล้วเราจะดูแลผิวไม่ให้ถูกทำร้ายด้วยความร้อนได้อย่างไรบ้าง ตามมาอ่านเนื้อหาใต้ภาพได้เลยครับผม

ความร้อน คือรังสีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Infrared (หรือเรียกย่อ ๆ ว่า IR) เป็นรังสีที่มาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเมื่อรังสี IR กระทบกับโมเลกุลน้ำในอากาศ หรือในผิว จะทำให้โมเลกุลของน้ำเกิดการสั่นสะเทือน และปล่อยความร้อนออกมา คล้าย ๆ กับเวลาเราอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟเลยครับ เตาไมโครเวฟจะปล่อยรังสีไมโครเวฟออกมาเพื่อทำให้น้ำในอาหารสั่นสะเทือน และเปลี่ยนเป็นความร้อนครับ

แล้วรังสี IR นั้นส่งผลเสียอย่างไรต่อผิวบ้างล่ะ ? รังสี IR นั้นสามารถส่องผ่านลึกถึงชั้นไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจกลัวกันเกินไปครับ เพราะว่า ผิวของเรามีน้ำสะสมอยู่เป็นปริมาณมากที่ผิวชั้นนอก น้ำในผิวเหล่านี้
จะช่วยรับรังสี IR ส่วนมากเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนแทนให้ครับ  นั่นหมายความว่า  “ยิ่งผิวชุ่มชื้น ยิ่งปลอดภัยจากรังสี IR”

หลาย ๆ ท่านอ่านมาถึงตรงนี้ อาจเกิดคำถามตามมาว่า แล้วความร้อนที่สูงขึ้นนั้นทำอะไรกับผิวบ้าง ? 

คำตอบคือ ความร้อนที่สูงขึ้น จะส่งผล 3 ประการ นั่นก็คือ

  1.  Enzyme ต่าง ๆ ที่อยู่ในผิวก็จะทำงานได้แย่ลง ประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ก็จะลดลง
  2. หลอดเลือดฝอยขยายตัว ผิวเกิดการเห่อแดง 
  3. ผิวของเราจึงต้องหาทางที่จะลดอุณหภูมิโดยการหลั่งเหงื่อออกมา

 

ซึ่งเมื่อน้ำในเหงื่อระเหยออกไป อุณหภูมิผิวก็จะลดลง แล้วพออุณหภูมิลดลง Enzyme ที่อยู่ในผิวก็จะทำงานได้ดีขึ้น หลอดเลือดฝอยก็จะหดตัวลงกลับที่เดิม ผิวที่เห่อแดงก็จะดีขึ้น และสุดท้ายเมื่ออุณภูมิผิวกลับมาเป็นปกติ ต่อมเหงื่อก็จะหยุดหลั่งเหงื่อนั่นเองครับ

แต่ ๆ ๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับว่าการหลั่งเหงื่อออกมาจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้ว เหงื่อของคนเรานั้นไม่ได้ประกอบด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังประกอบไปด้วยเกลือชนิดต่าง ๆ และยูเรียที่มีความเป็นด่าง โดยปกติแล้ว pH ที่ผิวของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 แต่ pH ของเหงื่อนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 ทุก ๆ ครั้งที่เหงื่อถูกหลั่งออกมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ

  1. pH ของผิวก็จะสูงขึ้น ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติของผิวที่อาศัย pH 5.5 ก็จะแย่ลงครับ 
  2. นอกจากนี้ เหงื่อที่ออกมาแล้ว มันก็ไม่ได้ระเหยออกไปทันที ผิวก็ถูกแช่อยู่ในน้ำเหงื่อ ทำให้เกราะผิว (Skin Barrier) เกิดการยุ่ย (เหมือนกับเวลาที่เราว่ายน้ำนาน ๆ แล้วนิ้วมือเปื่อย ๆ น่ะครับ) 
  3. และเมื่อน้ำเหงื่อระเหยออกไปแล้ว ก็จะเกิดคราบเกลือและยูเรียหลงเหลืออยู่บนผิวหนัง (สังเกตได้จากเวลาที่เราเหงื่อออก ก็จะเห็นเป็นคราบขาว ๆ ตามคอเสื้อหรือหลังเสื้อนั่นแหละครับ) 
  4. น้ำในผิว จะถูกดึงออกมาเพื่อเจือจางคราบเกลือและยูเรียเหล่านั้น ส่งผลให้ผิวเสียน้ำอย่างมากเลยครับ

ทีนี้ การดูแลผิวหลังจากเหงื่อออก ทำอย่างไร ? 

ขั้นตอนที่ 1 : ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แต่หากไม่สะดวก ก็ให้ซับผิวด้วยกระดาษเช็ดหน้าที่เปียกน้ำ หรือใช้ทิชชู่เปียกสำเร็จรูปที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ซับ เพื่อเอาคราบเกลือต่าง ๆ ออกจากผิว ซึ่งการซับแบบเปียกนั้นจะดีกว่าการซับแบบแห้ง เหมือนกับเวลาที่เราจะเช็ดคราบสกปรกแห้งอะไรซักอย่าง การเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำก็ย่อมเช็ดออกได้ง่ายกว่า และดีกว่าการเช็ดด้วยผ้าแห้ง ๆ จริงมั้ยล่ะครับ 

ขั้นตอนที่ 2 : หลังจากนั้นแนะนำให้บำรุงด้วย AMT All Day Nourishing Deep Essence Mist เพื่อลดอุณหภูมิผิวให้เร็วที่สุด ไปพร้อม ๆ กับเติมน้ำและสารให้ความชุ่มชื้นที่จำเป็น จำพวกกรดอะมิโน น้ำตาล และเปปไทด์ให้กับผิว ผิวที่เสียน้ำไปจะกลับมาเต่งเหมือนเดิม 

และขั้นตอนสุดท้ายก็คือ เติมกันแดด และแป้ง หรือแป้งผสมรองพื้น ตามความเหมาะสมและจำเป็นครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเย็นแล้วอาจไม่ต้องเติมก็ได้ครับ หรือถ้าหากเช้าอยู่ยังมีโอกาสเจอแดดก็ควรเติมกันแดด เป็นต้นครับ

สุดท้ายผมขอฝาก AMT All Day Nourishing Deep Essence Mist ละออง Essence ละเอียด แบบ Ultra-fine ครอบคลุมทั่วใบหน้า สามารถลดอุณหภูมิผิวได้อย่างรวดเร็ว แห้งไว ไม่รบกวนเมคอัพและกันแดด พร้อมให้สารอาหารจำพวกกรดอะมิโน น้ำตาล เปปไทด์ นอกจากนี้ยังมี Lysolecithin ช่วยนำส่งสารอาหารเข้าสู่ผิว และปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดอีกด้วยครับ

Tag : Beauty tips ปัญหาผิวแห้ง

#AMTSkincare #AMTfamily #AMTHandbook #YourSkinGuardian #Skincare #สกินแคร์

ติดตามและเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ที่

https://linktr.ee/AMTSkincare

ประเทศไทยของเรานั้นตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร นอกจากจะได้รับรังสี UV มากตลอดทั้งปีแล้ว อากาศก็ร้อนแทบจะตลอดทั้งปีอีกด้วยครับ ยิ่งช่วงเดือน มีนา-เมษา แบบนี้ แค่เดินออกไปข้างนอกแค่แป๊บเดียว บางทีก็ร้อนมากจนแทบทนไม่ไหวเลยครับ 

ผมเชื่อว่าทุก ๆ ท่านทราบกันดีว่า รังสี UV ทำร้ายผิวอย่างไร และเราควรทำอย่างไรเพื่อป้องกันผิวโดยทำร้ายจากรังสี UV 

แต่ทราบกันหรือไม่ครับว่า นอกจากรังสี UV แล้ว ความร้อนก็ทำร้ายผิวได้เช่นกัน  แล้วเราจะดูแลผิวไม่ให้ถูกทำร้ายด้วยความร้อนได้อย่างไรบ้าง ตามมาอ่านเนื้อหาใต้ภาพได้เลยครับผม

ความร้อน คือรังสีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Infrared (หรือเรียกย่อ ๆ ว่า IR) เป็นรังสีที่มาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเมื่อรังสี IR กระทบกับโมเลกุลน้ำในอากาศ หรือในผิว จะทำให้โมเลกุลของน้ำเกิดการสั่นสะเทือน และปล่อยความร้อนออกมา คล้าย ๆ กับเวลาเราอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟเลยครับ เตาไมโครเวฟจะปล่อยรังสีไมโครเวฟออกมาเพื่อทำให้น้ำในอาหารสั่นสะเทือน และเปลี่ยนเป็นความร้อนครับ

แล้วรังสี IR นั้นส่งผลเสียอย่างไรต่อผิวบ้างล่ะ ? รังสี IR นั้นสามารถส่องผ่านลึกถึงชั้นไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจกลัวกันเกินไปครับ เพราะว่า ผิวของเรามีน้ำสะสมอยู่เป็นปริมาณมากที่ผิวชั้นนอก น้ำในผิวเหล่านี้
จะช่วยรับรังสี IR ส่วนมากเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนแทนให้ครับ  นั่นหมายความว่า  “ยิ่งผิวชุ่มชื้น ยิ่งปลอดภัยจากรังสี IR”

หลาย ๆ ท่านอ่านมาถึงตรงนี้ อาจเกิดคำถามตามมาว่า แล้วความร้อนที่สูงขึ้นนั้นทำอะไรกับผิวบ้าง ? 

คำตอบคือ ความร้อนที่สูงขึ้น จะส่งผล 3 ประการ นั่นก็คือ

  1.  Enzyme ต่าง ๆ ที่อยู่ในผิวก็จะทำงานได้แย่ลง ประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ก็จะลดลง
  2. หลอดเลือดฝอยขยายตัว ผิวเกิดการเห่อแดง 
  3. ผิวของเราจึงต้องหาทางที่จะลดอุณหภูมิโดยการหลั่งเหงื่อออกมา

 

ซึ่งเมื่อน้ำในเหงื่อระเหยออกไป อุณหภูมิผิวก็จะลดลง แล้วพออุณหภูมิลดลง Enzyme ที่อยู่ในผิวก็จะทำงานได้ดีขึ้น หลอดเลือดฝอยก็จะหดตัวลงกลับที่เดิม ผิวที่เห่อแดงก็จะดีขึ้น และสุดท้ายเมื่ออุณภูมิผิวกลับมาเป็นปกติ ต่อมเหงื่อก็จะหยุดหลั่งเหงื่อนั่นเองครับ

แต่ ๆ ๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับว่าการหลั่งเหงื่อออกมาจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้ว เหงื่อของคนเรานั้นไม่ได้ประกอบด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังประกอบไปด้วยเกลือชนิดต่าง ๆ และยูเรียที่มีความเป็นด่าง โดยปกติแล้ว pH ที่ผิวของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 แต่ pH ของเหงื่อนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 ทุก ๆ ครั้งที่เหงื่อถูกหลั่งออกมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ

  1. pH ของผิวก็จะสูงขึ้น ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติของผิวที่อาศัย pH 5.5 ก็จะแย่ลงครับ 
  2. นอกจากนี้ เหงื่อที่ออกมาแล้ว มันก็ไม่ได้ระเหยออกไปทันที ผิวก็ถูกแช่อยู่ในน้ำเหงื่อ ทำให้เกราะผิว (Skin Barrier) เกิดการยุ่ย (เหมือนกับเวลาที่เราว่ายน้ำนาน ๆ แล้วนิ้วมือเปื่อย ๆ น่ะครับ) 
  3. และเมื่อน้ำเหงื่อระเหยออกไปแล้ว ก็จะเกิดคราบเกลือและยูเรียหลงเหลืออยู่บนผิวหนัง (สังเกตได้จากเวลาที่เราเหงื่อออก ก็จะเห็นเป็นคราบขาว ๆ ตามคอเสื้อหรือหลังเสื้อนั่นแหละครับ) 
  4. น้ำในผิว จะถูกดึงออกมาเพื่อเจือจางคราบเกลือและยูเรียเหล่านั้น ส่งผลให้ผิวเสียน้ำอย่างมากเลยครับ

ทีนี้ การดูแลผิวหลังจากเหงื่อออก ทำอย่างไร ? 

ขั้นตอนที่ 1 : ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แต่หากไม่สะดวก ก็ให้ซับผิวด้วยกระดาษเช็ดหน้าที่เปียกน้ำ หรือใช้ทิชชู่เปียกสำเร็จรูปที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ซับ เพื่อเอาคราบเกลือต่าง ๆ ออกจากผิว ซึ่งการซับแบบเปียกนั้นจะดีกว่าการซับแบบแห้ง เหมือนกับเวลาที่เราจะเช็ดคราบสกปรกแห้งอะไรซักอย่าง การเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำก็ย่อมเช็ดออกได้ง่ายกว่า และดีกว่าการเช็ดด้วยผ้าแห้ง ๆ จริงมั้ยล่ะครับ 

ขั้นตอนที่ 2 : หลังจากนั้นแนะนำให้บำรุงด้วย AMT All Day Nourishing Deep Essence Mist เพื่อลดอุณหภูมิผิวให้เร็วที่สุด ไปพร้อม ๆ กับเติมน้ำและสารให้ความชุ่มชื้นที่จำเป็น จำพวกกรดอะมิโน น้ำตาล และเปปไทด์ให้กับผิว ผิวที่เสียน้ำไปจะกลับมาเต่งเหมือนเดิม 

และขั้นตอนสุดท้ายก็คือ เติมกันแดด และแป้ง หรือแป้งผสมรองพื้น ตามความเหมาะสมและจำเป็นครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเย็นแล้วอาจไม่ต้องเติมก็ได้ครับ หรือถ้าหากเช้าอยู่ยังมีโอกาสเจอแดดก็ควรเติมกันแดด เป็นต้นครับ

สุดท้ายผมขอฝาก AMT All Day Nourishing Deep Essence Mist ละออง Essence ละเอียด แบบ Ultra-fine ครอบคลุมทั่วใบหน้า สามารถลดอุณหภูมิผิวได้อย่างรวดเร็ว แห้งไว ไม่รบกวนเมคอัพและกันแดด พร้อมให้สารอาหารจำพวกกรดอะมิโน น้ำตาล เปปไทด์ นอกจากนี้ยังมี Lysolecithin ช่วยนำส่งสารอาหารเข้าสู่ผิว และปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดอีกด้วยครับ

Tag : Beauty tips ปัญหาผิวแห้ง

#AMTSkincare #AMTfamily #AMTHandbook #YourSkinGuardian #Skincare #สกินแคร์

ติดตามและเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ที่

https://linktr.ee/AMTSkincare

บทความอื่นๆ

ion casino

ion casino

sbotop

slot bet 100

joker123 gaming

slot deposit pulsa tanpa potongan

slot deposit pulsa tanpa potongan

bonus new member

slot filipina

slot myanmar

slot vietnam

slot garansi kekalahan 100

judi bola

slot myanmar

depo 25 bonus 25 to kecil

slot vietnam

depo 25 bonus 25

demo slot sugar rush

akun pro myanmar

slot bet kecil

bonus new member

bonus new member

joker123

demo lucky neko

slot joker123

slot garansi kekalahan

https://robertoduarte.com.br/wp-includes/Slot777/

https://billig-is.dk/wp-content/slot777/

https://www.firshop.com/wp-includes/slot777/

https://simone.co.uk/wp-content/slot777/

joker123

Situs Slot777

situs slot server kamboja

Slot Gacor 777

sbobet

situs slot server thailand

Slot Gacor 777

https://pabloscobar.com/wp-includes/slot777/

https://www.aprendetrompeta.com/wp-admin/slot777/

https://www.carehealth.uk/wp-includes/slot777/

https://justforbaby.co/slot777/

ion slot gacor

judi bola online

slot777

slot777

slot bet 100

slot bet 100

https://creativelifestyleblog.com/