
สำหรับ Handbook ตอนที่ 24 นี้นะครับ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘ลายผิว’ ที่เป็นสิ่งเล็ก ๆ บนผิวเราที่หลาย ๆ ท่านอาจจะมองข้าม หรือไม่ได้สนใจมากนัก แต่ผมขอเกริ่นไว้ก่อนตรงนี้เลยครับว่า ถ้าเราดูแลลายผิวดี ๆ ผิวเราจะสวยสุขภาพดีมาก ๆ ครับ

ลายผิวคืออะไร ? ลายผิวคือ ลายสามเหลี่ยมเล็กๆที่อยู่บนผิวชั้นนอกสุด แบ่งเป็นส่วนที่เป็น “ร่อง” เรียกว่า Sulcus Cutis (Skin Groove) กับ ส่วนที่เป็นสามเหลี่ยมนูนๆ เรียกว่า Crista Cutis (Skin Hill) ซึ่งลายผิวนี้มีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่างครับ
1.ช่วยให้ผิวชั้นนอกสามารถยืดหดได้
โดยปกติแล้ว ผิวชั้นในของคนเรา จะประกอบไปด้วยเส้นใย Collagen และ Elastin ซึ่งสามารถยืดหดได้ เสมือนสปริงที่สามารถขยับ และยืดหดได้ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
แต่ผิวชั้นนอกนั้น จะมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ ๆ ถ้าหากไม่มีร่องผิวหรือลายผิวนี้
ผิวชั้นนอกก็จะไม่สามารถขยับ หรือยืดหดตามผิวชั้นในได้ ธรรมชาติจึงได้สร้างสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ‘ลายผิว’ นี้ขึ้นมา
2.ช่วยหักเหและสะท้อนแสง ทำให้ผิวดูวาว สว่างกระจ่างใส หลาย ๆ ท่านอาจจะยังนึกภาพตามไม่ออกว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ตามมาดูรูปถัดไปกันเลยครับ

‘เพชร’ ยิ่งมีจำนวนเหลี่ยม (Cut) มาก เพชรก็จะยิ่งเล่นแสงได้ดีและมีประกายมาก ในทำนองเดียวกัน ลายผิวนั้น ยิ่งมีจำนวน สามเหลี่ยมมาก (ยิ่งถี่) ก็จะยิ่งสะท้อนแสงได้ดีเช่นกัน
แต่สิ่งที่ผิวต่างจากเพชรก็คือ หน้าตัดของเพชรนั้นต้องเรียบ เพื่อที่ว่าเมื่อมีแสงส่องเข้ามาที่เพชรแล้ว จะเกิดการสะท้อนกลับออกมา 100% และเป็นแสงแข็ง ๆ จ้า ๆ ทำให้เกิดเป็นประกายวิบวับ แต่ผิวของคนเรานั้น หน้าตัดสามเหลี่ยมของลายผิวจะมีความนูน และมีความเต่งของน้ำอยู่ข้างใน มีน้ำมันเคลือบอยู่ข้างนอก เมื่อมีแสงตกกระทบเข้ามา ก็จะมีแสงบางส่วนที่สะท้อน และบางส่วนที่หักเหไปทางอื่น ทำให้เราเห็นเป็นแสงนวล ๆ วาว ๆ และเห็นเป็นผิว Glow ซึ่งผิวแบบนี้จะสวยมาก แบบที่ว่าแทบไม่ต้องการเมคอัพเพิ่มเลยครับ

ทีนี้ ‘ลายผิวที่ดี’ กับ ‘ลายผิวที่ไม่ดี’ ต่างกันอย่างไร ? หากดูจากรูป เราก็จะเห็นว่า ลายผิวสามเหลี่ยม หากยิ่งเล็ก ยิ่งมีความถี่เยอะ และยิ่งมีร่องที่ลึก ๆ ก็จะยิ่งดี เป็นลายผิวที่มีสุขภาพดี ส่วนลายผิวที่เป็นเส้น ๆ วิ่งไปในทางเดียวกัน แบบนี้คือลายผิวที่ไม่ดีครับ

โดยปกติแล้ว ลายผิวที่สุขภาพดีนั้น จะต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งสามเหลี่ยมนี้จะประกอบด้วยเซลล์หลาย ๆ เซลล์ที่เรียงตัวต่อกัน แต่เมื่อไหร่ที่ก็ตามที่เซลล์ผิวขาดน้ำ เซลล์ผิวก็จะเหี่ยวลง ทำให้เซลล์ผิวแบน เมื่อเซลล์ผิวแบนลง มันก็จะดึงให้รูปสามเหลี่ยมนี้
ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมแล้ว แต่กลายเป็นแนวทาง ๆ แทน
นอกจากนี้ เซลล์ผิวชั้นนอกของเรานั้น ภายในประกอบไปด้วยเส้นใย Keratin (ซึ่งสร้างจากกรดอะมิโน) ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างคอยค้ำจุนเซลล์ไว้ ไม่ให้เซลล์เหี่ยวแบนลงมา อีกทั้งยังมี Natural Moisturizing Factors หรือ NMFs อาทิเช่น กรดอะมิโน
ที่คอยช่วยอุ้มน้ำเอาไว้ ทำให้เซลล์เต่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เซลล์ขาดกรดอะมิโน โครงสร้างที่คอยค้ำจุนเซลล์เหล่านี้ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เมื่อเซลล์ผิวเกิดการเสียน้ำขึ้นมาเมื่อไหร่ เซลล์ผิวก็จะแฟบลงมาทันที

อยากมีลายผิวที่ดี ผิวดู Glow โดยไม่ต้องอาศัย Make-up ทำอย่างไร?
1.จะต้องทำให้ผิวมีความเต่งน้ำ ผมขอแนะนำ AMT Liposome Serum ซึ่งจะช่วยให้ผิวเต่งเหมือนลูกโป่งน้ำ ช่วยให้ลายผิวสะท้อนแสงวาว ๆ สว่าง กระจ่างใส แบบที่ไม่มีใครเหมือน
2.ตามด้วย AMT Light/ Rich Emulsion ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำมันที่มีอัตราส่วนที่เหมาะกับผิวของคุณ ช่วยทำให้ลายผิวสะท้อนแสงได้ดีขึ้น ผิววาว Glow อย่างเป็นธรรมชาติ
หลายท่านอาจจะกลัวมันเยิ้ม แต่ผมอยากให้เปิดใจลองครับ เพราะน้ำมันจาก AMT Emulsion เป็นน้ำมันที่ซึมสู่ภายในหรือที่เรียกว่า Inner Oil เป็นส่วนมากครับ ซึ่งทำให้ไม่เยิ้มครับ
3.สุดท้ายแต่สำคัญมากคือ AMT All Day Nourishing Deep Essence Mist เพื่อเติมกรดอะมิโนให้แก่ผิว ทำให้เซลล์ผิวมีโครงสร้างค้ำจุนเซลล์แข็งแรงขึ้น เซลล์ผิวก็จะเสียน้ำและฟีบได้ยากขึ้น เป็นการลงทุนสร้างผิวให้แข็งแรงในระยะยาว หรือที่เรียกว่า Long-term Investment in Skin ที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ
ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ เมื่อใช้ร่วมกัน การทำงานจะเสริมฤทธิ์แบบ Synergistic Effect ผิวจะ Glow สวยสุขภาพดี จนรองพื้นที่มีอยู่อาจจะน้อยใจได้ครับ สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยลองผลิตภัณฑ์ตัวไหน อยากให้ลองจริง ๆ ครับ มาดูแลลายผิวให้สวยสุขภาพดีไปด้วยกันนะครับ
ผมเชื่อว่า ถ้าหากเราให้น้ำ ไขมัน และกรดอะมิโนที่เพียงพอแก่ผิว ผิวของเราก็จะมีสุขภาพดี ลายผิวก็จะดี ผิวจะสว่าง กระจ่างใสจากสมดุลของน้ำและน้ำมันที่เหมาะสมครับ
Tag : Beauty tips ไม่กระจ่างใส
#AMTSkincare #AMTfamily #AMTHandbook #YourSkinGuardian #Skincare #สกินแคร์
ติดตามและเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ที่

สำหรับ Handbook ตอนที่ 24 นี้นะครับ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘ลายผิว’ ที่เป็นสิ่งเล็ก ๆ บนผิวเราที่หลาย ๆ ท่านอาจจะมองข้าม หรือไม่ได้สนใจมากนัก แต่ผมขอเกริ่นไว้ก่อนตรงนี้เลยครับว่า ถ้าเราดูแลลายผิวดี ๆ ผิวเราจะสวยสุขภาพดีมาก ๆ ครับ

ลายผิวคืออะไร ? ลายผิวคือ ลายสามเหลี่ยมเล็กๆที่อยู่บนผิวชั้นนอกสุด แบ่งเป็นส่วนที่เป็น “ร่อง” เรียกว่า Sulcus Cutis (Skin Groove) กับ ส่วนที่เป็นสามเหลี่ยมนูนๆ เรียกว่า Crista Cutis (Skin Hill) ซึ่งลายผิวนี้มีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่างครับ
1.ช่วยให้ผิวชั้นนอกสามารถยืดหดได้
โดยปกติแล้ว ผิวชั้นในของคนเรา จะประกอบไปด้วยเส้นใย Collagen และ Elastin ซึ่งสามารถยืดหดได้ เสมือนสปริงที่สามารถขยับ และยืดหดได้ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
แต่ผิวชั้นนอกนั้น จะมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ ๆ ถ้าหากไม่มีร่องผิวหรือลายผิวนี้
ผิวชั้นนอกก็จะไม่สามารถขยับ หรือยืดหดตามผิวชั้นในได้ ธรรมชาติจึงได้สร้างสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ‘ลายผิว’ นี้ขึ้นมา
2.ช่วยหักเหและสะท้อนแสง ทำให้ผิวดูวาว สว่างกระจ่างใส หลาย ๆ ท่านอาจจะยังนึกภาพตามไม่ออกว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ตามมาดูรูปถัดไปกันเลยครับ

‘เพชร’ ยิ่งมีจำนวนเหลี่ยม (Cut) มาก เพชรก็จะยิ่งเล่นแสงได้ดีและมีประกายมาก ในทำนองเดียวกัน ลายผิวนั้น ยิ่งมีจำนวน สามเหลี่ยมมาก (ยิ่งถี่) ก็จะยิ่งสะท้อนแสงได้ดีเช่นกัน
แต่สิ่งที่ผิวต่างจากเพชรก็คือ หน้าตัดของเพชรนั้นต้องเรียบ เพื่อที่ว่าเมื่อมีแสงส่องเข้ามาที่เพชรแล้ว จะเกิดการสะท้อนกลับออกมา 100% และเป็นแสงแข็ง ๆ จ้า ๆ ทำให้เกิดเป็นประกายวิบวับ แต่ผิวของคนเรานั้น หน้าตัดสามเหลี่ยมของลายผิวจะมีความนูน และมีความเต่งของน้ำอยู่ข้างใน มีน้ำมันเคลือบอยู่ข้างนอก เมื่อมีแสงตกกระทบเข้ามา ก็จะมีแสงบางส่วนที่สะท้อน และบางส่วนที่หักเหไปทางอื่น ทำให้เราเห็นเป็นแสงนวล ๆ วาว ๆ และเห็นเป็นผิว Glow ซึ่งผิวแบบนี้จะสวยมาก แบบที่ว่าแทบไม่ต้องการเมคอัพเพิ่มเลยครับ

ทีนี้ ‘ลายผิวที่ดี’ กับ ‘ลายผิวที่ไม่ดี’ ต่างกันอย่างไร ? หากดูจากรูป เราก็จะเห็นว่า ลายผิวสามเหลี่ยม หากยิ่งเล็ก ยิ่งมีความถี่เยอะ และยิ่งมีร่องที่ลึก ๆ ก็จะยิ่งดี เป็นลายผิวที่มีสุขภาพดี ส่วนลายผิวที่เป็นเส้น ๆ วิ่งไปในทางเดียวกัน แบบนี้คือลายผิวที่ไม่ดีครับ

โดยปกติแล้ว ลายผิวที่สุขภาพดีนั้น จะต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งสามเหลี่ยมนี้จะประกอบด้วยเซลล์หลาย ๆ เซลล์ที่เรียงตัวต่อกัน แต่เมื่อไหร่ที่ก็ตามที่เซลล์ผิวขาดน้ำ เซลล์ผิวก็จะเหี่ยวลง ทำให้เซลล์ผิวแบน เมื่อเซลล์ผิวแบนลง มันก็จะดึงให้รูปสามเหลี่ยมนี้
ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมแล้ว แต่กลายเป็นแนวทาง ๆ แทน
นอกจากนี้ เซลล์ผิวชั้นนอกของเรานั้น ภายในประกอบไปด้วยเส้นใย Keratin (ซึ่งสร้างจากกรดอะมิโน) ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างคอยค้ำจุนเซลล์ไว้ ไม่ให้เซลล์เหี่ยวแบนลงมา อีกทั้งยังมี Natural Moisturizing Factors หรือ NMFs อาทิเช่น กรดอะมิโน
ที่คอยช่วยอุ้มน้ำเอาไว้ ทำให้เซลล์เต่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เซลล์ขาดกรดอะมิโน โครงสร้างที่คอยค้ำจุนเซลล์เหล่านี้ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เมื่อเซลล์ผิวเกิดการเสียน้ำขึ้นมาเมื่อไหร่ เซลล์ผิวก็จะแฟบลงมาทันที

อยากมีลายผิวที่ดี ผิวดู Glow โดยไม่ต้องอาศัย Make-up ทำอย่างไร?
1.จะต้องทำให้ผิวมีความเต่งน้ำ ผมขอแนะนำ AMT Liposome Serum ซึ่งจะช่วยให้ผิวเต่งเหมือนลูกโป่งน้ำ ช่วยให้ลายผิวสะท้อนแสงวาวๆ สว่าง กระจ่างใส แบบที่ไม่มีใครเหมือน
2.ตามด้วย AMT Light/ Rich Emulsion ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำมันที่มีอัตราส่วนที่เหมาะกับผิวของคุณ ช่วยทำให้ลายผิวสะท้อนแสงได้ดีขึ้น ผิววาว Glow อย่างเป็นธรรมชาติ
หลายท่านอาจจะกลัวมันเยิ้ม แต่ผมอยากให้เปิดใจลองครับ เพราะน้ำมันจาก AMT Emulsion เป็นน้ำมันที่ซึมสู่ภายในหรือที่เรียกว่า Inner Oil เป็นส่วนมากครับ ซึ่งทำให้ไม่เยิ้มครับ
3.สุดท้ายแต่สำคัญมากคือ AMT All Day Nourishing Deep Essence Mist เพื่อเติมกรดอะมิโนให้แก่ผิว ทำให้เซลล์ผิวมีโครงสร้างค้ำจุนเซลล์แข็งแรงขึ้น เซลล์ผิวก็จะเสียน้ำและฟีบได้ยากขึ้น เป็นการลงทุนสร้างผิวให้แข็งแรงในระยะยาว หรือที่เรียกว่า Long-term Investment in Skin ที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ
ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ เมื่อใช้ร่วมกัน การทำงานจะเสริมฤทธิ์แบบ Synergistic Effect ผิวจะ Glow สวยสุขภาพดี จนรองพื้นที่มีอยู่อาจจะน้อยใจได้ครับ สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยลองผลิตภัณฑ์ตัวไหน อยากให้ลองจริง ๆ ครับ มาดูแลลายผิวให้สวยสุขภาพดีไปด้วยกันนะครับ
ผมเชื่อว่า ถ้าหากเราให้น้ำ ไขมัน และกรดอะมิโนที่เพียงพอแก่ผิว ผิวของเราก็จะมีสุขภาพดี ลายผิวก็จะดี ผิวจะสว่าง กระจ่างใสจากสมดุลของน้ำและน้ำมันที่เหมาะสมครับ
Tag : Beauty tips ไม่กระจ่างใส
#AMTSkincare #AMTfamily #AMTHandbook #YourSkinGuardian #Skincare #สกินแคร์
ติดตามและเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ที่