
The Skincare Handbook by AMT Skincare
คอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับผิว และวิทยาศาตร์ที่เกี่ยวกับสกินแคร์
ตอนที่ 2 Skin Barrier.
Skin Barrier คือ ชั้นของผิวหนังชั้นนอกชั้นหนึ่ง เป็นชั้นบางๆที่อยู่ด้านนอกสุดติดกับสิ่งแวดล้อมภายนอก มีความหนาประมาณ 0.01-0.02 มิลลิเมตร

ภายในชั้นนี้ประกอบด้วย
1. เซลล์ผิว Corneocyte
2. ไขมันที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว หรือ Intercellular Lipid
ทั้งสองส่วนประกอบนั้นอยู่ร่วมกันเป็นโครงสร้างคล้ายผนังอิฐและปูน ( Brick and Mortar Structure) โดย Corneocyte เปรียบเสมือนก้อนอิฐ ส่วน Intercellular Lipid เปรียบเสมือนปูนที่เชื่อมอิฐแต่ละก้อนให้ยึดติดกัน ทำให้ Skin Barrier มีหน้าที่สำคัญคือ ป้องกันผิวไม่ให้สูญเสียน้ำและไขมัน และป้องกันการเข้ามารุกรานของสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น สารก่อแพ้ แบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นละออง เป็นต้น

เซลล์ผิว Corneocyte เป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จริง แต่มีหน้าที่สำคัญมากในการกักเก็บน้ำให้ผิว ภายในเซลล์ผิว Corneocyte ประกอบด้วย
1.เส้นใย Keratin สานกันเป็นร่างแห ค้ำจุนเซลล์ไว้ให้คงรูปอยู่ได้
2.Natural Moisturizing Factors (NMFs) เป็นโมเลกุลที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำ (Humectant) ไว้ในเซลล์ ทำ ให้เซลล์ผิวอวบอิ่มเต่งน้ำ โมเลกุลเหล่านี้ ได้แก่ กรดอะมิโนต่างๆ, PCA , Lactate, น้ำตาลต่างๆ, Urea, สารจำพวกเปปไทด์ เป็นต้น
3.Cornified Envelope (CE) เป็นโปรตีนชนิดที่ไม่ละลายน้ำทำหน้าที่หุ้มเซลล์เอาไว้ไม่ให้เสียน้ำได้ง่าย

Intercellular Lipid เป็นไขมันที่อยู่ระหว่างเซลล์ Corneocyte มีโครงสร้างเป็นแบบ Lamellar Structure คือมีชั้นไขมันและน้ำเรียงสลับกันเป็นชั้นๆเหมือนขนมมิลเฟย ประกอบด้วย Ceramide เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ยังมี Cholesterol, Fatty acid และ น้ำ รวมถึงโมเลกุลอุ้มน้ำอีกด้วย
Intercellular Lipid เป็นทางเข้าออกสำคัญของสารต่างๆที่จะผ่านผิว สภาพของ Intercellular lipid ที่เหมาะสมควรจะอิ่มไปด้วยน้ำและไขมัน โมเลกุลต่างๆเรียงตัวกันแน่น เราสามารถแบ่งลักษณะโครงสร้างของ Intercellular Lipid ได้เป็น 3 ลักษณะดังนี้
1.Loose Structure – เป็นลักษณะโครงสร้างที่ไม่ดี โมเลกุลเรียงตัวกันหลวมๆ ชั้นน้ำและไขมันเป็นชั้นๆไม่ชัดเจน ผิวจะสูญเสียความสามารถในการเป็น Skin Barrier ไป
2.Rigid Tight Structure – เป็นลักษณะโครงสร้างโดยธรรมชาติ โมเลกุลเรียงตัวกันแน่น ชั้นน้ำและไขมันเป็นชั้นชัดเจน แต่โมเลกุลจะมีการเคลื่อนไหวลำบาก ผิวมีความสามารถในการเป็น Skin Barrier ที่ดี ซึ่งในคนที่มีผิวปกติสามารถสร้างน้ำและไขมันได้เองโดยธรรมชาติจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในคนที่มีผิวแห้งเสีย ขาดน้ำและไขมัน ลักษณะแบบ Rigid Tight นี้ กลับเป็นตัวขัดขวางการเติมน้ำและไขมันจากภายนอกเข้าไปได้
3.Fluidity Tight – เป็นลักษณะโครงสร้างที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยสกินแคร์ โมเลกุลจะเรียงตัวกันแน่น ชั้นน้ำและไขมันเป็นชั้นๆชัดเจน ทำให้มีความสามารถในการเป็น Skin Barrier ที่ดีเหมือนเดิม แต่โมเลกุล “สามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่าเดิม” ทำให้สามารถรับน้ำและไขมัน รวมถึงสารอาหารต่างๆจากภายนอกเข้าไปเพื่อบำรุงผิวที่แห้งเสีย หรือทำให้มีปัญหาได้

Skin Barrier ที่มีสุขภาพดี กับ ที่เสียหาย แตกต่างกันอย่างไร?
Skin Barrier ที่มีสุขภาพดี Corneocyte จะอวบอิ่มเต่งน้ำ เหมือนลูกโป่งน้ำ ส่วน Intercellular Lipid จะเชื่อมอยู่ระหว่างเซลล์ผิวอย่างแน่น ทำให้ผิวดูอวบอิ่ม สว่างแสงส่องผ่านได้ ผิวดูกระจ่างใส ลายผิวเป็นรูปดาว ริ้วรอยน้อย รูขุมขนแลดูแคบลง ผิวแลดูอ่อนเยาว์
Skin Barrier ที่เสียหาย Corneocyte เซลล์ผิวจะแห้งเหี่ยว เป็นขุยๆ เซลล์ผิวที่หมดสภาพแล้วไม่หลุดลอกออก แต่กลับสะสมอยู่ด้านบน ส่วน Intercellular Lipid จะมีโครงสร้างที่มีช่องโหว่ เชื่อมอยู่ระหว่างเซลล์ได้ไม่แน่น ทำให้ผิวแห้งหยาบกร้าน อักเสบแพ้ง่าย แลดูหมองไม่สว่างกระจ่างใส ลายผิวทางๆ มีริ้วรอยมาก รูขุมขนแลดูกว้าง และเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ผิวจะสร้างไขมันมาปกคลุม ทำก่อให้เกิดปัญหาสิวอุดตันตามมาได้อีกด้วย
Tag : ผิวระคายเคืองง่าย ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง ไม่กระจ่างใส
#AMTSkincare #AMTfamily #Skincare #สกินแคร์
ติดตามและเป็นกำลังใจให้กับพวกเราได้ที่

The Skincare Handbook by AMT Skincare
คอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับผิว และวิทยาศาตร์ที่เกี่ยวกับสกินแคร์
ตอนที่ 2 Skin Barrier.
Skin Barrier คือ ชั้นของผิวหนังชั้นนอกชั้นหนึ่ง เป็นชั้นบางๆที่อยู่ด้านนอกสุดติดกับสิ่งแวดล้อมภายนอก มีความหนาประมาณ 0.01-0.02 มิลลิเมตร

ภายในชั้นนี้ประกอบด้วย
1. เซลล์ผิว Corneocyte
2. ไขมันที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว หรือ Intercellular Lipid
ทั้งสองส่วนประกอบนั้นอยู่ร่วมกันเป็นโครงสร้างคล้ายผนังอิฐและปูน ( Brick and Mortar Structure) โดย Corneocyte เปรียบเสมือนก้อนอิฐ ส่วน Intercellular Lipid เปรียบเสมือนปูนที่เชื่อมอิฐแต่ละก้อนให้ยึดติดกัน ทำให้ Skin Barrier มีหน้าที่สำคัญคือ ป้องกันผิวไม่ให้สูญเสียน้ำและไขมัน และป้องกันการเข้ามารุกรานของสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น สารก่อแพ้ แบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นละออง เป็นต้น

เซลล์ผิว Corneocyte เป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จริง แต่มีหน้าที่สำคัญมากในการกักเก็บน้ำให้ผิว ภายในเซลล์ผิว Corneocyte ประกอบด้วย
1.เส้นใย Keratin สานกันเป็นร่างแห ค้ำจุนเซลล์ไว้ให้คงรูปอยู่ได้
2.Natural Moisturizing Factors (NMFs) เป็นโมเลกุลที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำ (Humectant) ไว้ในเซลล์ ทำ ให้เซลล์ผิวอวบอิ่มเต่งน้ำ โมเลกุลเหล่านี้ ได้แก่ กรดอะมิโนต่างๆ, PCA , Lactate, น้ำตาลต่างๆ, Urea, สารจำพวกเปปไทด์ เป็นต้น
3.Cornified Envelope (CE) เป็นโปรตีนชนิดที่ไม่ละลายน้ำทำหน้าที่หุ้มเซลล์เอาไว้ไม่ให้เสียน้ำได้ง่าย

Intercellular Lipid เป็นไขมันที่อยู่ระหว่างเซลล์ Corneocyte มีโครงสร้างเป็นแบบ Lamellar Structure คือมีชั้นไขมันและน้ำเรียงสลับกันเป็นชั้นๆเหมือนขนมมิลเฟย ประกอบด้วย Ceramide เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ยังมี Cholesterol, Fatty acid และ น้ำ รวมถึงโมเลกุลอุ้มน้ำอีกด้วย
Intercellular Lipid เป็นทางเข้าออกสำคัญของสารต่างๆที่จะผ่านผิว สภาพของ Intercellular lipid ที่เหมาะสมควรจะอิ่มไปด้วยน้ำและไขมัน โมเลกุลต่างๆเรียงตัวกันแน่น เราสามารถแบ่งลักษณะโครงสร้างของ Intercellular Lipid ได้เป็น 3 ลักษณะดังนี้
1.Loose Structure – เป็นลักษณะโครงสร้างที่ไม่ดี โมเลกุลเรียงตัวกันหลวมๆ ชั้นน้ำและไขมันเป็นชั้นๆไม่ชัดเจน ผิวจะสูญเสียความสามารถในการเป็น Skin Barrier ไป
2.Rigid Tight Structure – เป็นลักษณะโครงสร้างโดยธรรมชาติ โมเลกุลเรียงตัวกันแน่น ชั้นน้ำและไขมันเป็นชั้นชัดเจน แต่โมเลกุลจะมีการเคลื่อนไหวลำบาก ผิวมีความสามารถในการเป็น Skin Barrier ที่ดี ซึ่งในคนที่มีผิวปกติสามารถสร้างน้ำและไขมันได้เองโดยธรรมชาติจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในคนที่มีผิวแห้งเสีย ขาดน้ำและไขมัน ลักษณะแบบ Rigid Tight นี้ กลับเป็นตัวขัดขวางการเติมน้ำและไขมันจากภายนอกเข้าไปได้
3.Fluidity Tight – เป็นลักษณะโครงสร้างที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยสกินแคร์ โมเลกุลจะเรียงตัวกันแน่น ชั้นน้ำและไขมันเป็นชั้นๆชัดเจน ทำให้มีความสามารถในการเป็น Skin Barrier ที่ดีเหมือนเดิม แต่โมเลกุล “สามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่าเดิม” ทำให้สามารถรับน้ำและไขมัน รวมถึงสารอาหารต่างๆจากภายนอกเข้าไปเพื่อบำรุงผิวที่แห้งเสีย หรือทำให้มีปัญหาได้

Skin Barrier ที่มีสุขภาพดี กับ ที่เสียหาย แตกต่างกันอย่างไร?
Skin Barrier ที่มีสุขภาพดี Corneocyte จะอวบอิ่มเต่งน้ำ เหมือนลูกโป่งน้ำ ส่วน Intercellular Lipid จะเชื่อมอยู่ระหว่างเซลล์ผิวอย่างแน่น ทำให้ผิวดูอวบอิ่ม สว่างแสงส่องผ่านได้ ผิวดูกระจ่างใส ลายผิวเป็นรูปดาว ริ้วรอยน้อย รูขุมขนแลดูแคบลง ผิวแลดูอ่อนเยาว์
Skin Barrier ที่เสียหาย Corneocyte เซลล์ผิวจะแห้งเหี่ยว เป็นขุยๆ เซลล์ผิวที่หมดสภาพแล้วไม่หลุดลอกออก แต่กลับสะสมอยู่ด้านบน ส่วน Intercellular Lipid จะมีโครงสร้างที่มีช่องโหว่ เชื่อมอยู่ระหว่างเซลล์ได้ไม่แน่น ทำให้ผิวแห้งหยาบกร้าน อักเสบแพ้ง่าย แลดูหมองไม่สว่างกระจ่างใส ลายผิวทางๆ มีริ้วรอยมาก รูขุมขนแลดูกว้าง และเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ผิวจะสร้างไขมันมาปกคลุม ทำก่อให้เกิดปัญหาสิวอุดตันตามมาได้อีกด้วย
Tag : ผิวระคายเคืองง่าย ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง ไม่กระจ่างใส
#AMTSkincare #AMTfamily #Skincare #สกินแคร์
ติดตามและเป็นกำลังใจให้กับพวกเราได้ที่