
รู้หรือไม่ ? ค่าความชื้นสัมพัทธ์ (%RH) ที่เห็นในมิเตอร์ว่าสูง แต่ถ้าอุณหภูมิเย็นเกินไปผิวก็แห้งอยู่ดี
ค่าความชื้นมี 2 ชนิด ครับ
1. ค่าความชื้นจำเพาะ (Specific Humidity) คือ น้ำหนักของไอน้ำหน่วยเป็น g ในอากาศ 1 kg เช่น Specific Humidity 20 g/kg หมายความว่า ในอากาศหนัก 1 kg มีไอน้ำลอยอยู่ 20 g นั่นเองครับ
2. ค่าความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity, %RH) มีหน่วยเป็น % ครับ เป็นค่าความชื้นที่แสดงอยู่ในเครื่องวัดความชื้นที่เราใช้กันทั่วไปครับ ยกตัวอย่างเช่น 40% จะมีหมายความว่า ตอนนี้มีไอน้ำลอยอยู่ปริมาณคิดเป็น 40% ของปริมาณไอน้ำที่อากาศจะรับได้สูงสุดครับ ซึ่งอุณหภูมิอากาศที่ต่างกันจะสามารถรับไอน้ำได้สูงสุดต่างกันครับ โดยอุณหภูมิสูงจะรับไอน้ำได้มากกว่า อุณหภูมิต่ำ สมมติว่าห้องนอนเรา เมื่อวัดด้วยมิเตอร์พบว่ามีความชื้น 60%RH หลายท่านอาจจะคิดว่าดีต่อผิว แต่ในความเป็นจริง ต้องดูด้วยว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ครับ ถ้าอุณหภูมิในห้องนั้นเย็นจัด เช่น เปิดแอร์ 20℃ ห่มผ้า 2 ชั้นอะไรแบบนี้ นั่นหมายความว่า ไอน้ำที่อากาศจะรับได้สูงสุดมีน้อย ดังนั้น ความชื้น 60% ของค่าน้อย ๆ ก็เลยไม่ได้เยอะอะไรครับ สุดท้ายผิวก็ยังแห้งอยู่ดีครับ ทางที่ดีเราควรเพิ่มอุณหภูมิให้อยู่ที่ราว 25-26℃ และใช้เครื่องทำความชื้นร่วมด้วย เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ดีระหว่างนอนหลับพักผ่อน ซึ่งก็คือ 25-26℃ 60-65%RH นั่นเองครับ
สุดท้ายผมขอฝากเคล็ดลับ 3ข้อ ในการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นในช่วงอากาศเย็น ปริมาณไอน้ำในอากาศต่ำ แบบนี้ครับ
1. ลองใช้ Liposome Serum โดยวิธีโปะหนา ๆ บริเวณที่แห้ง เช่นแก้ม ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วจึงเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า วิธีทำ https://bit.ly/2VBoJ0W
2. ลองเปลี่ยนมาใช้ Rich Emulsion ซึ่งเหมาะกับอากาศแห้งในหน้าหนาวมากกว่าสูตร Light
3. เติมความชุ่มชื้นให้ผิวระหว่างวัน ด้วย Essence Mist นอกจากจะใช้บำรุงตอนเช้า และก่อนนอนแล้ว ยังใช้สเปรย์บำรุงระหว่างวันได้โดยไม่รบกวนเมคอัพ เมคอัพไม่เยิ้ม อีกด้วยครับ
Tag : Beauty tips
#AMTSkincare #AMTfamily #YourSkinGuardian #DidYouKnow #Skincare #สกินแคร์ #ผิวสุขภาพดี
ติดตามและเป็นกำลังใจให้กับเราได้ที่